วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2559
วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2559
MEMBER
MEMBER
1.นายสหัสวรรษ กิจเจริญ ม.5/1 เลขที่ 1
2.นายธรา หล่อวณิชย์ ม.5/1 เลขที่ 3
3.นายแองค์ เฮ็น ซี ม.5/1 เลขที่ 5
5.นายคณาธิป อนุชิต ม.5/1 เลขที่ 8
6.นายธาม มุกดาสนิท ม.5/1 เลขที่ 19
7.นายประภากร เอื้อสถิตวงศ์ ม.5/1 เลขที่ 22
กล้วย
กล้วย
เกือบทุกส่วน
· ลำต้นของกล้วยใช้เป็นอาหารสุกร
· ใบใช้ห่อของ
· กาบใช้ทำเชือก
· ดอก ( ปลี ) ใช้เป็นอาหารและยาแก้โรคโลหิตจางลดน้ำตาลในเลือด
· ผลดิบใช้เป็นยาฝาดสมานแผลในกระเพาะอาหาร
· ผลสุกใช้รับประทานช่วยระบายท้อง และยางต้นสดใช้ห้ามเลือดรักษาแผล เป็นต้น
กล้วยเป็นพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูง มีราคาถูก หาซื้อได้ทั่วไป ประกอบกับเป็นพืชที่ปลูกง่ายเจริญเติบโตได้ดีในทุกภาคของประเทศไทย และได้ผลเร็วจึงเป็นที่นิยมปลูกกันทั่วไป นอกจากจะใช้บริโภคในประเทศแล้วยังส่งจำหน่ายต่างประเทศ นับว่าเป็นพืชเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่ง
กล้วยเป็นไม้ล้มลุกขนาดใหญ่ มีอายุหลายปี เมื่อโตเต็มที่อาจมีความสูง 2–9 เมตร ต้นแท้จริงของกล้วยเป็นเหง้าอยู่ใต้ดิน ส่วนลำต้นที่มองเห็นเป็นลำต้นเทียมประกอบด้วยกาบใบที่อัดกันแน่นทรงพุ่ม ส่วนบนของลำต้นประกอบด้วยใบและช่อดอกที่เกิดจากจุดเจริญของเหง้า รากที่ทำหน้าที่จะเป็นระบบรากฝอย รากฝอยของกล้วยจะอยู่ในระดับเพียง 15 เซนติเมตรจากผิวดิน
· ลำต้นที่แท้จริงของกล้วย เป็นเหง้าที่มีขนาดใหญ่ อาจมีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง30 เซนติเมตร บนเหง้าจะมีข้อและปล้องเป็นจำนวนมาก เนื้อเหยื่อของเหง้าเต็มไปด้วยแป้งจุดเจริญที่เหง้าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดใบ และช่อตามลำดับ
· ใบกล้วยมีขนาดใหญ่ แผ่นใบกว้าง 70-100 เซนติเมตร ยาว 150-400 เซนติเมตรสัดส่วนของใบ (Leaf Ratio) หรือความยาวต่อความกว้างประมาณ 2.0-4.5
· ช่อดอก จุดเจริญของใบจะพัฒนาเป็นจุดเจริญของช่อดอกเมื่อต้นอายุได้ 7-9 เดือนช่อดอกกล้วยมีขนาดใหญ่ มีช่อดอกย่อย (Spike) เกิดเป็นกลุ่ม ช่อดอกย่อยมีจำนวน 8-15 ดอก ช่อดอกข้อแรกถึงข้อที่ 10 จะเป็นดอกตัวเมีย ข้อที่ 11-15 จะเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ส่วนปลายช่อดอกจะเป็น
· ดอกตัวผู้ รูปร่างดอกไม่ได้สมมาตร กลีบเลี้ยงและกลีบดอกแยกกันไม่ชัดเจนคือ ชั้นกลีบ รวม 5 กลีบ และกลีบชั้นอิสระ 1 กลีบ เกสรตัวผู้และดอกสมบูรณ์เพศ มี 5 อัน เกสรตัวเมียในดอกตัวเมียจะพัฒนาอย่างดี รังไข่มี 3 ช่อง
· ผลกล้วยเป็นแบบ Berry กล้วย 1 เครือ ประกอบด้วยผล จำนวน 5-15 หวีกล้วย 1 หวี ประกอบด้วยผล 5-20 ผล ขนาดผลเมื่อแก่มีความกว้าง 2.5-5.0 เซนติเมตร ยาว 6-35 เซนติเมตร
· ลำต้นของกล้วย ลำต้นเทียม (Pseudo stem) คือส่วนที่ยึดตัวของหน่อ ประกอบด้วยกาบใบ (Leaf Sheath) ที่ประกบกันแน่นเจริญจากลำต้นแท้ขึ้นมาอยู่เหนือผิวดินมีลักษณะค่อนข้างกลมทรงกระบอก เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10-25 เซนติเมตร สูง 1-3 เมตร ส่วนโคนใหญ่ผิวลำต้นเรียบเป็นมันสีเขียว ม่วงแดงสลับขาว ตามอายุและลักษณะพันธุ์ ระหว่างการเจริญเติบโต กาบใบจะค่อยๆ คลี่ออกทีละกาบ ริมกาบใบที่ขนานกันจะค่อยๆเรียวเข้าหากันที่ปลายจนกลายเป็นก้านใบที่แข็งแรง ใบเล็กที่เกิดตอนแรก ๆ จะตายใบแล้วเกิดใบใหม่ ใบใหม่จะเกิดที่ปลายยอดของลำต้นเทียมชูสูงชะลูดขึ้นไปโดยไม่มีกิ่งก้านสาขา
ประโยชน์ของกล้วยแต่ละชนิด
ประโยชน์ของกล้วยแต่ละชนิด
กล้วยหอม ใครจะเชื่อว่าประโยชน์ของกล้วยหอม สามารถช่วยเลิกบุหรี่ได้, ลองทานไอศครีมใส่กล้วยหอมเย็นๆทานแล้วเข้ากันสุดๆ แต่ในกล้วยหอมที่เราทานเข้าไปยังมีประสิทธิภาพช่วยผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ เพราะวิตามินบี 6 บี 12 โพแทสเซียมและแมกนีเซียมที่มีอยู่มาก ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วจากการขาดสารนิโคตินได้ดี เรียกง่ายๆว่าช่วยลดอาการเหวี่ยงจากการขาดบุหรี่ได้ดีนั่นเอง นอกจากนี้สำหรับสาวๆ ก่อนมีประจำเดือน ที่ทำให้หงุดหงิด ปวดท้อง ปวดหัว กล้วยหอมก็ช่วยลดอาการเหล่านี้ได้ดีอีกด้วยนะจะบอกให้….


กล้วยไข่ ประโยชน์ของกล้วยไข่ช่วยลดริ้วรอย, หลังจากอ่านประโยคนี้จบ สาวๆคงมานิยมทานกล้วยไข่แน่ๆ เพราะในกล้วยไข่มีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรารู้จักกันดี คือเบต้าแคโรทีน ช่วยชะลอความชราและริ้วรอยต่างๆ ร่วมไปถึงความเสื่อมของเซลล์ ที่สำคัญยังมีฤทธิ์ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็งและยับยั้งการเจริญเติบโตของ เซลล์เนื้อร้ายได้… ซึ่งไม่เฉพาะแต่ผลกล้วยเท่านั้น ในหัวปลียังมีแคลเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อกระดูกและเนื้อเยื่อของเราด้วย

กล้วยหักมุก ประโยชน์ของกล้วยหักมุกแก้โรคกระเพาะ, เด็กๆ รุ่นใหม่คงจะไม่ค่อยรู้จักกล้วยหักมุกสักเท่าไร เพราะกล้วยหักมุกเป็นกล้วยที่ส่วนใหญ่แล้วเขาจะเอาไปปิ้งก่อนแล้วค่อยทาน ใครที่ปัญหาเรื่องโรคกระเพาะอาหารบ่อยๆ ต้องรีบหามาทานกันด่วนๆ ด้วยคุณสมบัติโดดเด่นของสารที่เรียกว่า ไซโตอินโดไซด์ 1, 2, 3, 4, 5 ซึ่งช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เนื่องจากแผลในกระเพาะอาหารได้ดีมากๆ และยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย สาเหตุท้องเสีย จากเชื้อโรคเอสเคอริเคีย
ประโยชน์ของต้นกล้วย
ประโยชน์ของต้นกล้วย

ประโยชน์ของรากและลำต้น นำลำต้นมาทำสมุนไพรแผนโบราณได้ รักษาผิวหนัง ผื่นแดง แผลไฟไหม้และน้ำร้อนลวก สามารถนำมาต้มแก้กระหายน้ำได้ ลำต้นเทียม สามารถนำมาทำเป็นเชือก ทำเส้นใยทอผ้า
ลำต้นอ่อน(หยวก)ของกล้วยสามารถใช้ทำเป็นอาหารสัตว์ได้
ประโยชน์ของก้านกล้วย นำมาทำเป็นของเล่นได้ (ม้าก้านกล้วย, ปืนก้านกล้วย) ฝานเป็นเส้นเล็กๆ สามารถนำไปใช้มัดของได้

ประโยชน์ของหัวปลี ใช้เป็นเครื่องเคียงประกอบอาหาร เช่น ผัดไทย, กะปิ ใช้ทานได้ เช่น ทำแกงเลียง, ทำยำหัวปลี, ขนมจีน, ต้มยำ
สารอาหารสำคัญในกล้วย
สารอาหารสำคัญในกล้วย
1.Benzopyrene
2.Dopamine
3.Epinephrine
4.Tryptamine
5.Serotonin
พบว่าในกล้วยดิบนั้นมีสารแทนนินจำนวนมาก สามารถช่วยรักษาโรคท้องเสียและบิด ช่วยลดการเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้ แต่จากผลการวิจัยจะไม่พบสารต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหารในกล้วยสุก แต่กล้วยสุกจะมีสรรพคุณช่วยเป็นยาระบายอ่อนๆ สำหรับผู้ป่วยที่เป็นริดสีดวงทวาร หรือผู้ที่ท้องผูก

คำแนะนำในการทานกล้วย
คำแนะนำในการทานกล้วย
กล้วยสุกจะทานง่าย ลื่น ลงกระเพราะ และย่อยง่ายกว่ากล้วยดิบ ทำให้บางคนอาจไม่เคี้ยว หรือเคี้ยวไม่ละเอียด ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการทานกล้วยที่ผิด เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วกล้วยมีองค์ประกอบของแป้งมากถึง 25% หากเคี้ยวไม่ละเอียดจะส่งผลให้กระเพาะต้องทำงานหนัก เพื่อย่อยกล้วยชิ้นใหญ่ จนอาจเกิดกล้วยอืดในกระเพาะ คนเราเวลาทานกล้วย จะใช้เวลาย่อยง่ายกว่าทานผลไม้ชนิดอื่นๆ ดังนั้นจึงมีการนำกล้วย(เฉพาะเนื้อกล้วยนำไส้ออก)บด ให้กับเด็ก/ทารกรับประทาน กล้วยถือเป็นเป็นอาหารลดความอ้วนที่มีคุณค่าทางอาหารสูง แต่มีโพแทสเซียมสูง หากทานแต่พอดีจะช่วยลดโรคที่เกิดจากความดันโลหิตได้ แต่หากทานมากเกินไปต่อวัน อาจได้รับโพแทสเซียมสูงเกินไปจนขับออกทางไตไม่ทันจนเกิดอันตรายต่อไตได้ ปริมาณที่แนะนำในการทานกล้วยคือ 2 ผลต่อวัน
หลักการแปรรูปอาหาร
หลักการแปรรูปอาหาร
การแปรรูปอาหารมีหลายวิธี บางวิธีทำได้ง่ายโดยสามารถทำได้ในระดับครัวเรือน แต่บางวิธีต้องทำในระดับอุตสาหกรรม ซึ่งอาหารที่ผ่านการแปรรูปแล้วบางอย่างเก็บได้หลายวัน บางอย่างเก็บได้เป็นเดือน และบางอย่างเก็บได้เป็นปีโดยยังเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค ก่อนที่จะแปรรูปหรือถนอมอาหาร ควรทราบสาเหตุของการเสื่อมเสียของอาหาร เพื่อจะได้เลือกวิธีการแปรรูปอาหารได้อย่างเหมาะสม สำหรับสาเหตุการเสื่อมเสียของอาหารส่วนใหญ่เกิดจาก
เอนไซม์ (enzyme) มีอยู่ในวัตถุดิบทั่วไปทั้งอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้ เอนไซม์เป็นสารอินทรีย์ทำหน้าที่ เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเคมีในสิ่งมีชีวิต เช่น เอนไซม์ในผลไม้ ทำเกิดการเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เกิดการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นรส ทำให้เกิดการสุกงอม เอนไซม์ถูกทำลายได้โดยความร้อน เช่น การลวก การต้ม ส่วนการเก็บในที่เย็น เอนไซม์จะหยุดทำงานชั่วคราว หรือทำงานช้าลง
จุลินทรีย์ (microorganism) ได้แก่ เชื้อรา แบคทีเรีย ยีสต์ พบทั่วไปในน้ำอากาศ และดิน โดยปนเปื้อนเข้ามาตั้งแต่กระบวนการหลังการเก็บเกี่ยว หรือการขนย้ายที่ไม่ถูกวิธี ทำให้ผักหรือผลไม้ช้ำมีตำหนิ จุลินทรีย์จะปนเปื้อนเข้าไปตามรอยช้ำ ทำให้เกิดการเน่าเสีย
นอกจากนี้การเสื่อมเสียของอาหารอาจเกิดเนื่องจากปฏิกิริยาเคมี เช่น การเกิดปฏิกิริยาการเติมออกซิเจน ทำให้อาหารเหม็นหืน ปฏิกิริยาการเกิดสีน้ำตาลที่ไม่เก่ยวข้องกับเอนไซม์ ส่วนสาเหตุอื่นๆได้แก่ เกิดจากการใช้ภาชนะบรรจุที่ไม่เหมาะสม ทำให้อาหารที่ควรจะกรอบกลายเป็นนิ่ม ส่วนการใช้วิธีการเก็บเกี่ยวไม่เหมาะสม ตลอดจนการขนส่งและการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม จะช่วยส่งเสริมการเสื่อมเสียให้เกิดเร็วขึ้น
การแปรรูปอาหารมีหลายวิธีโดยมีหลักการใหญ่ๆ ดังนี้
การใช้ความร้อนทำลายจุลินทรีย์ และเอนไซม์ การใช้ความร้อนเพื่อทำลายเอนไซม์และจุลินทรีย์ในอาหาร สามารถแบ่งตามระดับความร้อนที่ใช้ในกระบวนการแปรรูปได้ 2 วิธี คือ การใช้ความร้อนสูงเรียกว่าการสตอริไลส์(sterilization) ความร้อนที่ใช้สูงถึง 121 องศาเซลเซียส และมีระยะเวลานานพอที่จะทำลายจุลินทรีย์ในอาหารได้หมด ตัวอย่างเช่น อาหารประเภทเนื้อสัตว์บรรจุดกระป๋อง ผักในน้ำเกลือบรรจุกระป๋อง เป็นต้น ส่วนการใช้ความร้อนต่ำกว่าจุดเดือดของน้ำเรียกว่า การพาสเจอไรส์(pasteurization) ซึ่งทำลายจุลินทรีย์ได้เดียงบางส่วน จึงต้องมีการใช้วิธีการอื่นๆ ร่วมด้วยเพื่อควบคุมปริมาณจุลินทรีย์ ที่เหลือรอดไม่ให้เพิ่มจำนวนขึ้น ได้แก่ การปรับให้อาหารมีพีเอช(pH) ต่ำกว่า 4.5 (เช่น การทำน้ำผลไม้บรรจุขวด การทำผลไม้กระป๋อง) หรือการเก็บรักษาที่อุณหภูมิต่ำ (เช่น นมพาสเจอไรด์ ที่ต้องแช่เย็นตลอดเวลา)
การใช้ความเย็นเพื่อลดอุณหภูมิของอาหาร การลดอุณหภูมิของอาหาร มีจุดประสงค์เพื่อลดอัตราการเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาทางชีวเคมีและจุลินทรีย์ ทำให้ยืดอายุการเก็บรักษาของอาหารสด และอาหารแปรรูปให้นานขึ้น การเช่เย็นเป็นการลดอุณหภูมิของอาหารให้ต่ำลงอยู่ระหว่าง -1 ถึง 8 องศาเซลเซียส หรือสูงกว่าอุณหภูมิจุดเยือกแข็งของอาหารนั้น ส่วนการแช่แข็งเป็นการลดอุหภูมิ ของอาหารให้ต่ำกว่าจุดเยือกแข็งของอาหารนั้น นิยมใช้ที่อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส หรือต่ำกว่า
การลดปริมาณน้ำในอาหารหรือการอบแห้ง การอบแห้งเป็นวิธีการเก็บรักษาผักผลไม้ที่นิยมใช้กันมานานแล้ว โดยเฉพาะประเทศที่กำลังพัฒนา การอบแห้งเป็นการให้ความร้อนแก่อาหารระดับหนึ่ง เพื่อไล่เอาน้ำออกจากอาหารให้เหลืออยู่ปริมาณน้อยที่สุด การอบแห้งทำได้หลายวิธี เช่น การตากแดด(sun drying), การใช้ตู้อบแห้งแบบลมร้อน(hot air drier) การทำแห้งโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์(solar drying) ตู้อบแห้งแบบสุญญาอากาศ(vacuum shelf drier) การทำแห้งแบบแช่เยือกแข็ง(freeze dry) การทำแห้งแบบพ่นฝอย(spray drying) การทำแห้งแบบลูกกลิ้ง(drum drying) เป็นต้น อย่างไรก็ตามการเสื่อมของอาหารแห้งอาจเกิดขึ้นได้ จากจุลินทรีย์ที่ทนต่อความแห้งได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยีสต์และรา ปริมาณจุลินทรีย์ในอาหารอบแห้ง ขึ้นกับจำนวนจุลินทรีย์เริ่มต้นในวัตถุดิบก่อนอบแห้ง การเตรียมวัตถุดิบก่อนอบแห้ง(เช่น การปอกเปลือก การลวก) อุณหภูมิและเวลาที่ใช้ในการอบแห้ง ปรีมาณความชื้นสุดท้าย รวมทั้งความสะอาดและสุขอนามัยระหว่างและภายหลังการอบแห้ง
การใช้น้ำตาล การใช้น้ำตาลในการแปรรูปผักผลไม้ มีวัตถุประสงค์เพื่อปรุงแต่งให้อาหารมีรสหวานเป็นหลัก และถ้าใช้น้ำตาลในปริมาณสูง (ความเข้มข้นของของแข็งที่ละลายน้ำได้สูงกว่า 70%) จะทำให้เก็บได้นาน เนื่องจากทำให้สภาพของอาหาร ไม่เหมาะสมต่อการเจริญของจุลินทรีย์ทั่วไปได้ ยกเว้นยีสต์บางชนิด ในบางกรณีที่อาหารมีความเข้มข้นของของแข็งที่ละลายน้ำได้ต่ำกว่า 70% จึงจำเป็นต้องใช้วิธีการอื่นควบคู่ด้วย เช่น มีการเติมกรดลงไปในอาหาร การบรรจุขณะร้อน การฆ่าเชื้อบริเวณผิวหน้าของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งการใช้สารกันเสีย ผักผลไม้ที่ใช้น้ำตาลในการแปรรูปได้แก่ น้ำผลไม้เข้มข้น แยม เยลลี่ ผลไม้แช่อิ่ม ผลไม้เชื่อม และผลไม้กวนต่างๆ
การหมักดอง การหมักดองเป็นกระบวนการแปรรูปอาหารที่อาศัย การทำงานของจุลินทรีย์ ซึ่งสร้างเอนไซม์ออกมาเปลี่ยนสารอาหาร ที่เป็นองค์ประกอบทางเคมีของวัตถุดิบเริ่มต้นให้เป็นแอลกอฮอล์ กรดอินทรีย์ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซม์ ทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารมีลักษณะเนื้อสัมผัส ส่วนประกอบทางเคมีและรสชาติเปลี่ยนไปจากวัตถุดิบเริ่มต้น อาหารหมักจะมีอายุการเก็บรักษานานขึ้น เนื่องจากปริมาณกรดที่เพิ่มขึ้น เช่น ผักดองเปรี้ยว ผลไม้ดอง น้ำส้มสายชูหมัก หรือมีแอลกอออล์เพิ่มขึ้น เช่น เบียร์ ข้าวหมาก ไวน์ รวมทั้งในกระบวนการหมัก อาจมีการใช้เกลือในปริมาณสูง ทำให้ยับยั้งจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดการเน่าเสียได้ เช่น เต้าเจี้ยว น้ำปลา แตงกวาดองเค็ม
จุลินทรีย์ในกระบวนการหมักอาจเป็นจุลินทรีย์ในธรรมชาติ เช่น การทำผักดองเปรี้ยว แหนม ปลาส้ม ซึ่งในกระบวนการหมักแบบนี้ต้องควบคุมภาวะต่างๆ เพื่อยับยั้งจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดการเน่าเสีย แต่ส่งเสริมให้จุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดการหมักเจริญเติบโตได้ ได้แก่ ปริมาณเกลือที่ใช้ สารอาหารคาร์โบไฮเดรตที่ต้องเติมลงไป รวมทั้งความสะอาดในการผลิต การดองวัตถุดิบแต่ละชนิด ต้องการความเข้มข้นของเกลือแตกต่างกันไป การดองวัตถุดิบแต่ละชนิด ต้องการความเข้มข้นของเกลือแตกต่างกันไป การดองผักดองเปรี้ยว เช่น ผักกาดดองเปรี้ยว ใช้เกลือ 2.0-2.5% แตงกวาดองเค็ม(salt stock) ต้องการเกลือ 15-20% ในขณะที่การหมักปลาส้มจะใช้เกลือ 7% เมื่อเทียบกับน้ำหนักปลา ถ้าปริมาณเกลือไม่เหมาะสมจะทำให้เกิดความเสียหายได้ เช่น ถ้าเกลือน้อยไปจุลินทรีย์ที่ทำให้เน่าเสียจะเจริญได้ แต่ถ้าปริมาณเกลือมากไปก็จะทำให้จุลินทรีย์ ที่ทำให้เกิดการหมักเจริญไม่ได้ อาหารที่ต้องการดองให้เกิดรสเปรี้ยว ต้องมีการเติมสารอาหารพวกคาร์โบไฮเดรตลงไปด้วย เช่น การทำผักกาดดองเปรี้ยวจะเติมน้ำซาวข้าว การทำปลาส้ม แหนม จะเติมข้าวเจ้า หรือข้าวเหนียว การทำกิมจิจะเติมน้ำตาลทราย เป็นต้น
การถนอมอาหารโดยใช้สารเคมี สารเคมีที่ใช้เพื่อการถนอมอาหาร ได้แก่ สารที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่ทำให้อาหารเน่าเสีย สารป้องกันการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของอาหาร โดยชนิดและปริมาณที่ใช้ ต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติอาหารกระทรวงสาธารสุข
ประวัติความเป็นมาของกล้วยฉาบ
ประวัติความเป็นมาของกล้วยฉาบ
เป็นการนำผลไม้มาทำการแปรรูปให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น เช่น การนำกล้วยน้ำว้านำมาแปรรูปเป็นขนมที่ขึ้นชื่อของหมู่บ้านคลองสี่เสียด และได้มีการจำหน่ายไปตามจังหวัดต่างๆ รวมถึงการสั่งซื้อจากต่างประเทศ จนกระทั้งได้มีการจัดตั้งกลุ่มผู้ผลิตชื่อกลุ่มสตรีบ้านคลองสี่เสียด ซึ่งถือเป็นสินค้าotopอันดับต้นๆของจังหวัดนครนายก เป็นที่รู้จักกันในชื่อ กล้วยทอด “ผู้ใหญ่หนู”
เริ่มจากการที่สมาชิกในกลุ่มปลูกกล้วยกันทุกบ้าน ผลผลิตกล้วยที่ได้เมื่อนำไปขายก็ไม่ได้เงินมากนัก จึงได้ทดลองนำกล้วย ที่หาได้ในหมู่บ้านมาลองทำกล้วยทอด หรือ ที่เรียกกันว่ากล้วยฉาบขาย เริ่มจากการทำขายเล็กๆ น้อยๆ ส่งขายตามร้านขายของฝากในจังหวัดนครนายก ต่อมาได้มีการทดลองนำวัตถุดิบตัวอื่นๆ ที่สามารถหาได้ในหมู่บ้านใกล้เคียงในจังหวัดนครนายก อย่าง เผือก และมันมาทดลองทอดดูบ้างในลักษณะเช่นเดียวกับกล้วย ปรากฎว่าเมื่อนำออกขายผลตอบรับออกมาดีจึงได้ทำเผือก และมันทอดขายร่วมกับกล้วยทอดมาตลอด
อุปกรณ์และวิธีทำกล้วยฉาบเหินฟ้า
อุปกรณ์การทำกล้วยฉาบ
วิธีทำกล้วยฉาบเหินฟ้า
ขั้นตอนการทำกล้วยฉาบ
1.นำกล้วยมาหั่นจุก หั่นครึ่งกล้วยและปอกเปลือก
2.หั่นกล้วยและแช่น้ำ
3.นำกล้วยลงกระทะ ทอดจนเหลือง
4.ใส่น้ำตาลสองช้อนโต๊ะ เกลือ เนย นิดหน่อย เพื่อเพิ่มความอร่อย ปรุงตามใจชอบจากนั้นคนไปเรื่อยๆจนเหนียว
5.นำกล้วยมาคลุกให้เข้ากัน
6.ทิ้งไว้ให้เย็น และรับประทานได้เลย
วิดีทัศน์ แสดงการทำกล้วยฉาบเหินฟ้า
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)























